แนะนำตัว

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การเลือกตั้งที่จะถึงนี้แล้วครับ



ความรู้เรื่องการเลือกตั้งของไทย

ประชาชนมีหน้าที่เลือกตั้ง
มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้การไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของบุคคลเหมือนกับ
หน้าที่การเสียภาษี ดังนั้นบุคคลที่มีสัญญาติไทยโดยการเกิด
หรือได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติมาไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1
มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในเขตเลือกตั้ง หรือนอกเขตเลือกตั้ง
หรือแม้แต่พำนักอยู่ในต่างประเทศ ทุกคนมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
1. วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ
2. เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
3. ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
4. อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
การใช้สิทธิเลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
1. ผู้ที่มีสัญชาติไทย ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาไม่น้อยกว่า 5 ปี
2. มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง
3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง

การตรวจดูรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
1. ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
2. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด
3. ประชาชนสามารถไปตรวจดูรายชื่อ และขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตลอดทั้งปี

บัตรเลือกตั้ง
บัตรเลือกตั้งมี 2 แบบ
1. บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
2. บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ลักษณะของบัตรเลือกตั้งมีสีต่างกัน และมีต้นขั้วบัตรเลือกตั้งสำหรับพิมพ์ลายนิ้วมือหัวแม่มือขวา
ที่มุมบนด้านขวาของบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 แบบ

วิธีการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง
1. แสดงบัตรประจำประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ที่หน่วยเลือกตั้ง
2. รับบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 แบบ (บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 1 ใบ และบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 1 ใบ)
3. พิมพ์ลายนิ้วมือหัวแม่มือขวาที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ
เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับบัตรเลือกตั้งแล้ว
(ถ้ามีการร้องเรียนว่าที่หน่วยเลือกตั้งนั้นมีการทุจริตการเลือกตั้ง
ต้นขั้วนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญในการตรวจสอบ)
4. เข้าคูหา ทำเครื่องหมายกากบาทในบัตรเลือกตั้ง
- กากบาทเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงหมายเลขเดียว ที่บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
- กากบาทเลือกพรรคการเมืองเพียงหมายเลขเดียว ที่บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
- ถ้าไม่ต้องการลงคะแนนให้ใคร หรือพรรคการเมืองใด กากบาทที่ช่องไม่ลงคะแนน
5. หย่อนบัตรเลือกตั้งด้วยตนเองทีละใบ ต่อหน้ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง

ปัจจุบันการเลือกตั้งมี 2 แบบ คือ
1. การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
2. การเลือกตังแบบบัญชีรายชื่อ

การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
ส.ส. จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตมีจำนวน 400 คน
มาตรา 98 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า \"สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 500 คน
โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อตามมาตรา 99 จำนวน 100 คน
และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามมาตรา 102 จำนวน 400 คน\" เลือกตั้ง ส.ส.
เขตละ 1 คน
มาตรา 102 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า
\"การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เขตละ 1 คน\"
มาตรา 103 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า
\"จังหวัดใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน 1 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
และจังหวัดใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 1 คนให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง
มีจำนวนเท่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมีโดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1
คน\"ดังนั้นประเทศไทยจึงมีเขตเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 400 เขต

การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพรรค โดยทั่วไปเรียกว่าเลือกตั้งแบบสัดส่วน พรรคต่าง ๆ จะได้
รับจำนวนที่นั่งในสภาฯ ตามสัดส่วนของคะแนนที่ได้รับ สำหรับพรรคที่ได้รับคะแนนไม่ถึงร้อยละ 5
ของคะแนนทั้งหมด ก็จะไม่ได้ที่นั่งในสภาฯ จากการเลือกตั้งระบบนี้
การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครโดยเสนอเป็นรายชื่อเรียงลำดับไม่เกินบัญชีรายชื่อละ 100 คน
บุคคลในบัญชีรายชื่อจะต้องไม่ซ้ำกับผู้สมัครแบบแบ่งเขต และผู้สมัครในบัญชีรายชื่อพรรคอื่น
นอกจากนี้จะต้องประกอบด้วยรายชื่อจากภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม (ไม่ใช่มีแต่คนกรุงเทพฯ
หรือคนในภูมิภาคหนึ่งใดโดยเฉพาะ) เมื่อมีการสมัครแล้วหมายเลขที่บัญชีรายชื่อนั้นได้รับ
จะถือว่าเป็นหมายเลขประจำพรรคการเมืองนั้น ทั้งนี้การรับสมัครแบบแบ่งเขตจะกระทำขึ้นภายหลัง
โดยผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ส่งโดยพรรคใดจะได้รับหมายเลขเดียวกันกับพรรคนั้น
บัญชีรายชื่อที่ได้คะแนนรวมทั้งประเทศไม่ถึงร้อยละ 5 ให้ถือว่าไม่มี ส.ส. จากบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น
เมื่อตัดบัญชีรายชื่อและคะแนนของบัญชีรายชื่อเหล่านี้ออกไปแล้ว บัญชีที่เหลือแต่ละบัญชีจะมี
ส.ส.ได้กี่คน ขึ้นอยู่กับว่าบัญชีรายชื่อนั้นได้คะแนนรวมร้อยล่ะเท่าไร

คงจะได้แนวทางนะครับ

ไปใช้สิทธิ์ให้ได้นะครับ เพราะการเมืองเรื่องปากท้องเราเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น